จากหนังสือ Warren Buffet CEO ผมสามารถสรุปคร่าวในสิ่งที่ผู้บริหารของวอเร็นบัฟเฟตต์มีคล้ายกันคือ
- ซื่อสัตย์และไว้วางใจให้บริหารงานได้อย่างอิสระ ไม่ต้องตรวจสอบ
- สนุกกับงาน แม้อายุเลย 60 แล้วก็ยังไม่มีแผนที่จะเกษียณอายุ
- แก้ไขปัญหาให้ลูกค้า
- ผู้บริหารถูกเลื่อนตำแหน่งจากภายใน หรือเป็นผู้ก่อตั้งและทายาท
- มักจะไม่ต้องการแปลงสภาพเป็นมหาชนเพราะจะเสียความอิสระในการบริหาร
- พัฒนาธุรกิจไม่หยุดนิ่ง
- ไม่รู้สึกว่ามีหัวหน้าเป็นบัฟเฟต ทุกอย่างยังบริหารได้เหมือนเดิมหลังจากถูกบัฟเฟตต์ซื้อกิจการ
- พนักงานคือครอบครัวและดูแลพนักงานอย่างดี
- ผู้บริหารมักจะมองระยะยาว ไม่สนใจกำไรรายไตรมาส ซึ่งจะแตกต่างหากถูกซื้อบริษัทโดยคนอื่นที่ไม่ใช่บัฟเฟต
- บัฟเฟตไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่คนที่จะต้องรายงานให้ฟัง แต่เป็นเพื่อนและถามได้ทุกอย่างหากต้องการความช่วยเหลือ
- เป็นสมาชิกองค์กรณ์ที่มีส่วนช่วยเหลือสังคม
- เข้าใจอุตสาหกรรมและธุรกิจ วัฒนธรรมองค์กรณ์ และลูกค้า
- เป็นนักอ่าน อยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติ
- ไม่ทำเพื่อความร่ำรวยส่วนตัว ทุกคนล้วนมีมากพอและมีความสุขดีอยู่แล้ว
บัฟเฟตมักจะเริ่มความสนใจการลงทุนในกิจการที่ดูมีความสามารถในการแข่งขัน และมักจะสอบถ้าผู้บริหารของเขาให้แนะนำบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมนั้นๆ
การลงทุนในผู้บริหารส่วนใหญ่ของบัฟเฟตนั้นใช้เวลาไม่นานในการพูดคุยและขอดูข้อมูลย้อนหลังของบริษัทเพียง 3 ปีเท่านั้นในการตัดสินใจที่จะซื้อหรือไม่ เหตุผลที่สามารถทำได้ก็เพราะบัฟเฟตมีฐานความรู้สูงมากซึ่งอาศัยการอ่านมามากสะสมตั้งแต่เด็ก
บัฟเฟตไม่สนใจที่จะขอตรวจสอบสินค้าหรือร้านค้าด้วยตัวเองด้วยซ้ำ โดยชอบพูดติดตลกกับผู้บริหารว่าสำนักงานของเขามีพนักงานเพียง 12.8 คน ไม่พอเพียงที่จะไปตรวจสอบ
สิ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์จริงๆคือการซื้อบริษัทเหล่านี้คือการซื้อทั้งหมด บริษัทเหล่านี้ไม่ได้เป็นมหาชน แปลว่าไม่เคยมีการถูกตรวจสอบจากตลาดหลักทรัพย์ เป็นการซื้อที่ไว้วางใจผู้บริหารแทบทั้งสิ้น
สำหรับนักลงทุนรายย่อยทั่วไปนั้นแน่นอนว่าไม่สามารถทำได้แบบนี้เสมอไป แต่ผมเชื่อว่าคุณสมบัติของผู้บริหารหลายๆข้อของบริษัทที่เราจะลงทุนนั้นต้องผ่านตามเกณฑ์ดังกล่าวไม่มากก็น้อย
ติดตามแบ่งปันความรู้การลงทุนได้ที่ Investdiary